ขับเคลื่อนโดย Blogger.

วันพุธที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ภาพถ่ายพระเมรุ - สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ



สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี

เป็นพระราชธิดาพระองค์เดียวในพระบามสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวกับพระนางเจ้าสุวัทนาพระวรราชเทวี

พระประสูติกาล
ประสูติเมื่อวันอังคารที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๔๖๘ ณ พระที่นั่งเทพสถานพิลาส ในหมู่พระมหามณเฑียรพระบรมมหาราชวัง ในขณะที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระประชวรหนัก ณ พระที่นั่งจักรพรรดิพิมานซึ่งอยู่ติดกับพระที่นั่งเทพสถานพิลาส สมเด็จพระเจ้าลูกเธอในรัชกาลที่ ๖ ทรงมีโอกาส เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทสมเด็จพระบรมชนกนาถ ครั้งแรกและครั้งสุดท้ายในวันพุธที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๔๖๘ จากนั้น พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็เสด็จสวรรคต ในวันรุ่งขึ้น


สิ้นพระชนม์
ในบั้นปลายพระชนมชีพ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯประชวรด้วยพระโรคหลอดเลือดสมอง และทรงพระชราครั้นวันพุธที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ได้เสด็จไปประทับรักษาพระอาการติดเชื้อในกระแสพระโลหิต ณ ตึก ๘๔ ปี ชั้น ๕ โรงพยาบาลศิริราช พระอาการประชวรได้ทรุดลงตามลำดับและสิ้นประชนม์เมื่อเวลา ๑๖.๓๗ น. ของวันพุธที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๔ รวมพระชมมายุ ๘๔ พรรษา

การพระศพ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้สำนักพระราชวังจัดการพระศพถวายพระเกียรติยศสูงสุดตามราชประเพณี ประดิษฐานพระศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้พระบรมวงศานุวงศ์และข้าทูลละออกธุลีพระบาทในราชสำนักไว้ทุกข์ถวาย ๑๐๐ วัน ตั้งแต่วันสิ้นพระชนม์และมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้มีพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ ณ พระเมรุ ท้องสนามหลวง ในวันจันทร์ที่ ๙ เมษายน ๒๕๕๕ อีกทั้งมีการจัดงานภาคประชาชน พิธีถวายดอกไม้จันทน์ตามซุ้มรอบมณฑลพระราชพิธี และสถานที่กำหนดในเขตต่างๆของกรุงเทพมหานคร ตลอดจนทุกจังหวัดทั่วประเทศถวายพระเกียรติยศเต็มที่ตามที่ทรงดำรงอยู่ทุกประการ


ด้วยเหตุนี้แหล่ะ จึงได้ไปเที่ยวชม และถ่ายภาพพระเมรุ มาให้ชมกันครับ

พระเมรุ ๑

พระเมรุ ๒

พระเมรุ ๓

มีรถประดับไฟแปลกๆมาจอด ผู้คนให้ความสนใจถ่ายรูปจำนวนมาก
ภาพนี้ใช้สปีดชัตเตอร์ต่ำ ทำให้มองเห็นผู้คนน้อยหน่อย

ใช้สปีดชัตเตอร์ต่ำ แต่คุณผู้หญิงชุดดำเล่นไม่ขยับไปไหน จึงถ่ายติดเธอ

พระเมรุ

ภาพทั้งหมด ใช้ขาตั้งกล้อง ISO100 ถ่ายด้วยสปีดชัตเตอร์ตามที่วัดแสงได้

มีคนอื่นใช้ฟิลเตอร์ ND ของ Lee ติดที่หน้าเลนส์แล้วฟิลเตอร์รุ่นนี้จะยึดแผ่นฟิลเตอร์ได้ไม่ค่อยแน่น ทั้งที่มีราคาสูงมาก แผ่นละประมาณ 5,000 บาท เห็นเขาก็เสียบกับกล้องและไม่มีใครไปโดน ลมก็ไม่ได้แรงอะไร ฟิลเตอร์เลื่อนหล่นพื้น ดัง"เพ้งงง" แตกยับเลยครับ

ถ้าใช้ฟิลเตอร์แผ่นแบบ ND ลองตรวจเช็คความแน่นของแผ่นฟิลเตอร์ด้วยนะครับ เสียดายเวลามันหล่นแตก ถ้ามันไม่แน่น ลองใช้ กระดาษกาว หรือเทปกาว ติดที่ด้านข้างของฟิลเตอร์ เพื่อเสริมให้มันหนาขึ้น อย่าติดแบบแผ่นหนากินพื้นที่เข้ามาในเลนส์เวลาถ่ายภาพ แต่วิธีนี้แกะออกมาก็จะมีกาวติดฟิลเตอร์บ้างทำให้ขายแล้วอาจจะเสียราคาบ้างนะครับ



ขอให้มีความสุขกับการถ่ายภาพครับ สวัสดี GoodLight ^_^

วันศุกร์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2555

Ayutthaya - Amazing

วันอังคารที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2555

ภาพถ่ายหน้าเบี้ยว

วันนี้ขอโพสภาพถ่ายแปลกๆ 1 ภาพครับ


แล้วเดี๋ยวมาเฉลยว่าถ่ายอย่างไร   ลองเดากันดูครับ


เทคนิคการถ่ายภาพแปลกๆ


^_^

วันจันทร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2555

การวัดแสงธรรมดา - กับการใช้แฟลช

สวัสดีครับ วันนี้จะขอพูดถึงความแตกต่างของ การวัดแสงแบบธรรมดา กับ การใช้แฟลชครับ

บางท่านอาจจะเคยอ่านการวัดแสงมาบ้างแล้ว มีพูดถึงกันเยอะแยะ เข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง : ช่างมัน

แต่เมื่อท่านจะใช้แสงแฟลช ก็จะงง ว่าอะไรกัน ไม่เห็นเข้าใจ ผมพบปัญหานี้เยอะครับ และเป็นเรื่องที่รายละเอียดเยอะ  แต่จะขออธิบายง่ายๆให้เข้าใจกันนะครับ
การวัดแสงเมื่อถ่าย เวลาไม่ใช้แฟลช ก็คือ ดูค่าแสงณเวลานั้น บริเวณที่เราต้องการถ่ายภาพก็จะได้ ค่ามาสองค่า คือรูรับแสง(aperture value) กับ ความเร็วชัตเตอร์(speed shutter) ในกรณีที่ท่านเลือกโหมด M (Manual) เราก็เป็นคนกำหนดสองค่านั้นแล้ว ฉะนั้นกล้องจะบอกแค่ว่า มันพอดี หรือมืด หรือสว่างไป(under or over exposure), เมื่อท่านเลือกโหมต AV(canon) หรือ A(nikon) เราก็ควบคุม รูรับแสงอย่างเดียว  กล้องจะวัดแล้วปรับ ความเร็วชัตเตอร์ให้อัตโนมัติ ซึ่งเราสามารถปรับชดเชยแสงได้,
เมื่อท่านเลือกโหมด TV(canon) หรือ S(nikon) ท่านก็จะควบคุมความเร็วชัตเตอร์ แล้วกล้องจะปรับรูรับแสงให้อัตโนมัติ ซึ่งเราสามารถปรับชดเชยแสงได้  แค่นี้เองครับ หลักง่ายๆ

ต่อมาคือการใช้แฟลช

การใช้แฟลชพูดได้เลยว่าไม่เกี่ยวกับการวัดแสงโดยตรงนะครับ วัดแสงมันก็คือค่าแสงที่เข้ากล้องคือแสงธรรมชาติ หรือแสงต่อเนื่องในขณะนั้นนะครับ แต่แสงแฟลชต่างออกไปคนละเรื่องเลยครับ
กล่าวคือ แสงแฟลชจะมีสองระบบหลักๆ
1. TTL มีหลายแบบ ATTL, ETTL ฯลฯ มันคือการที่แสงแฟลชจะยิงไปที่วัตถุ แล้วเมื่อแสงแฟลชพอดีมันจะตัดไฟแฟลชทันที ซึ่งชื่อต่างๆ คือการที่เขาคิดวิธีให้การยิงแสงแฟลชแม่นที่สุด แต่ก็เป็นแสงแฟลชผ่านเข้ามาในกล้อง และตัดไฟแฟลชทิ้งเมื่อแสงพอดี เช่นกัน และเมื่อมีหลายยี่ห้อของกล้องและแฟลช จึงมีหลายชื่อ ต่างกันไป

2.แฟลชแบบปรับกำลังแฟลชเอง คือเอาเลือกปรับเองว่าจะแรง-อ่อนแค่ไหน ตัวแฟลชก็จะยิงเท่าที่เราตั้งตลอดเวลา ซึ่งต้องผ่านการคำนวณ ระยะ, ISO, ฯลฯ หรือลองดูแล้วก็เช็ค histogram เอาก็ได้ครับ ซึ่งเดี๋ยวนี้ก็นิยมแบบนี้มากขึ้น คือมั่วๆไปก่อน แล้วดูจาก LCD ในกล้อง เมื่อแสงพอดีแล้วก็ตั้งค่านี้ สะดวกรวดเร็วดี แต่ต้องเสียเวลากับการปรับแฟลชอยู่พักนึง

ฉะนั้นเมื่อเราดันเลือกโหมด AVหรือ S (หรืออื่นๆตามแต่ละยี่ห้อ) ถ้าถ่ายตอนกลางวัน มันก็สว่างดี ได้ความเร็วชัตเตอร์ที่เร็วพอภาพจะคมชัดได้  แต่ถ้าเราถ่ายในที่มืดๆล่ะครับ  - แน่นอนว่า มันก็จะได้ความเร็วชัตเตอร์ที่ต่ำ เพราะมันวัดจากแสงธรรมชาติ (แสงแฟลชจะยิงมาแค่แว๊บเดียว และไม่ได้ยิงตอนเราวัดแสง)เมื่อถ่ายภาพ แสงที่ได้อาจจะพอดี สว่างเหมือนกลางวัน แสงแฟลชก็ยิงไปพอดี แต่ภาพไม่ชัด เพราะความเร็วชัตเตอร์ที่ต่ำไงล่ะครับ

เพื่อเสริมความเข้าใจมากขึ้น ถ้าเราถ่ายภาพคนที่อยู่ในที่ร่ม เช่นใต้ตึก แต่ข้างหลังเป็นแดดจ้านอกอาคาร อย่างนี้ หมายความว่าแสงที่ฉากหลัง จะสว่างมาก แต่แสงคนที่อยู่ใต้ตึกจะมืดกว่ามาก ถ้าเราถ่ายโดยวัดแสงที่ฉากหลัง ฉากหลังก็จะสวยงามพอดี แต่หน้าคนจะมืด
แต่ถ้าเราถ่ายโดยวัดแสงที่หน้าคน หน้าคนจะสว่างถูกต้อง แต่ฉากหลังก็จะสว่างขาวโพลน แต่ถ้าท่านต้องการให้แสงพอดี ทั้งข้างหน้า และข้างหลัง ทำอย่างไรล่ะครับ :)

ก็ต้องวัดแสงที่ฉากหลัง แล้วจำค่านั้น หรือล็อคค่าไว้(อ่านวิธีในคู่มือกล้องของท่าน) จากนั้นใช้แฟลชยิงที่หน้าคนให้ได้แฟลชพอดี อย่างนี้ก็จะได้แสงที่พอดีทั้งฉากหน้า และฉากหลัง

แต่ถ้าต้องการ ฉากหลังมืดกว่าตัวแบบ ก็ต้องวัดที่ฉากหลังอีกเช่นกัน แล้วชดเชยแสงให้ under (-1,-2,-3,ฯ) แต่แสงแฟลชยิงพอดี ฉากหลังก็จะมืดกว่าตัวคนแล้วครับ

แต่ถ้าต้องการฉากหลังสว่างกว่า ก็ดูหน้า ฉากหลังกับตัวคนอันไหนสว่างกว่ากัน ถ้าฉากหลังสว่างกว่าอยู่แล้ว ก็แทบไม่ต้องทำไร ใช้วัดที่หน้าคนเลยก็ได้ หรือวัดแสงที่ฉากหลังแล้วปรับ over(+1,+2,+3,ฯ) ส่วนแสงแฟลชปรับให้พอดี เท่านั้นเองครับ


ปัญหาต่อมาคือ ทำไมแฟลชมีปรับชดเชยแสงด้วย จำเรื่อง TTL ได้ไหมครับ ที่แสงจะกระทบแล้วเข้ามาที่กล้องแล้วก็ตัดแสงทิ้ง   ฉะนั้น เมื่อแฟลชมันไปยิงใส่เสื้อสีดำ การสะท้อนแสงก็ย่อมน้อยผิดปกติอยู่แล้ว กว่าแสงแฟลชจะตัด ก็ทำให้ภาพออกมา แสงแฟลชมัน ก็จะ over ไงครับ ฉะนั้น จึงต้องปรับไปทาง under (-1,-2,-3,ฯ)

ภาพนี้ไม่ได้เปิดแฟลช
ภาพนี้เปิดแฟลช

จากภาพตัวอย่างทั้งสองภาพ จะเห็นว่าภาพฉากหลัง หรือท้องฟ้าจะใกล้เคียงกันมาก เพราะใช้ค่าแสงที่วัดเท่าๆกัน แต่ภาพล่างเปิดแฟลชยิงไปที่เรือด้วย ทำให้เห็นเรือสว่างกว่า และฉากท้องฟ้าด้านหลัง ก็ยังคงสว่างเช่นเดียวกันครับ




ตอนแรกคิดว่าจะพิมพ์แค่สั้นๆ เอาเข้าจริงๆ ก็ต้องอธิบายยาว หวังว่าจะเข้าใจกันนะครับ

แดดร้อนรักษาสุขภาพ มีความสุขกับการถ่ายภาพ และคอมเม้นท์กันบ้างนะครับ

วันอาทิตย์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2555

ภาพถ่ายมือทะลุจอ

วันนี้ยุ่งๆ ไม่ได้อัพบล็อค(เว็บ) เลยครับ อีกทั้งความยุ่งทำให้คิดไม่ออกว่า จะเขียนอะไรดี เรื่องไหนก่อนดีอากาศด้วย แทบจะไม่อยากทำอะไร(พิมพ์บทความนี้ 3 รอบ พอพิมพ์เร็วๆแล้วเปลี่ยนภาษา มันเน่าไปเลย ต้องมาพิมพ์ใหม่อีก)

เมื่อมาเช็คดู ก็พบว่ามีคนเข้ามาแล้วคงเห็นว่าไม่มีอะไรอัพเดตจึงปิดออกไปเลย จึงสงสัยว่าคงเริ่มมีคนสนใจเว็บหรือบล็อคนี้บ้างแล้ว จึงต้องหาเรื่องเขียน

วันนี้ขอเรื่องนี้แล้วกัน เริ่มด้วย ภาพถ่ายนี้ครับ อิอิ

ภาพถ่าย 1


เป็นรูปภาพแปลกๆไหมครับ เหมือนมือมันทะลุเข้าไปในจอ น่าจะชอบใจกันนะครับ เพราะเอาไปเล่นได้ ยังไม่ค่อยเห็นในสังคมออนไลน์ด้วย

เล่าเรื่องที่มาหน่อยนึง ภาพนี้เพื่อนผมฝากผมซื้อหวย แต่ผมไม่ได้เล่นนะครับ เล่นทีไรไม่เคยถูก เสียเงินทุกที อิอิ เมื่อเพื่อนฝากซื้อมาผมจึงถ่ายรูปนี้ไว้เล่นๆ กะเป็นหลักฐานด้วยว่าเล่นเลขนี้นะ ไม่ได้ผิดนะ

วิธีการถ่าย ไม่ยากเลยครับแต่หลายขั้นตอนหน่อยนึง
ขั้นแรกให้ปิดไอคอนที่เดสท็อป(icon on desktop)ออกให้หมด และย่อหน้าโปรแกรมลงมาให้หมด (ความจริงไม่ทำก็ได้ครับ แต่หน้าจอโล่งๆ น่าจะน่าสนใจกว่า)

ขั้นต่อมา เอามือมาถ่ายรูปอย่างนี้
ภาพถ่าย 2

ถ่ายยังงี้เปล่าๆเลยครับ (พิมพ์หน้านี้ครั้งที่ 4 แล้วเพราะพิมพ์เร็วเปลี่ยนภาษาเร็วๆ เน่าทุกทีเฮ้อ)

ขั้นต่อมาเมื่อได้ภาพอย่างนี้แล้ว โหลดลงคอมพิวเตอร์ครับ แล้วก็เปิดภาพมา แล้วต่อด้วยการเปิดโปรแกรมที่ต้องการครับ ให้อยู่ในฝ่ามือพอดี เสมือนเราจัดสิ่งนั้นอยู่ครับ

แล้วสามารถทำได้ สองวิธีคือ หยิบกล้องมาถ่ายใหม่ และ จัดภาพจากหน้าจอ

ถ้าจับภาพจากหน้าจอจะชัดกว่า สีสรรก็ดีกว่า เพราะเมื่อแสดงผลจากจอมันดรอปลงไปครับ ใช้ได้ทั้งสองวิธีนะครับ

จากนั้นก็จะได้ภาพสวยๆอย่าง ภาพถ่าย 1* แล้วครับ
เรียกว่าสวยไหมนะ เรียกว่าแปลกน่ะแน่นอนเลยครับ

ขอให้สนุกกับการถ่ายภาพ และโชคดีได้แสงดีๆนะครับ

เมื่อท่านเยี่ยมชมแล้วโปรดคอมเม้นท์ ^_^

วันเสาร์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2555

ภาพกลางคืนในรถ

สวัสดีครับ วันนี้จะโชว์รูปภาพที่ถ่ายกลางคืนในรถยนต์นะครับ   ก็จะได้ภาพที่แปลกตา เช่นนี้


ภาพถ่ายกลางคืนในรถ 1

แปลกๆตาดีไหมครับ หุหุ ลองดูอีกภาพ


ภาพถ่ายลักษณะนี้ ตัวรถจะชัดดี แต่นอกรถจะเป็นเส้นๆ แปลกตา เทคนิคการถ่ายภาพก็ง่ายๆครับ วางขาตั้งกล้องในรถ ยึดให้มั่นคงตั้ง ISO ต่ำไว้ สองภาพนี้ถ่ายด้วย ISO 100 วัดแสง แบบเฉลี่ยทั้งภาพ เสียบสายลั่นชัตเตอร์ แบบตั้งโปรแกรมได้ ก็ตั้งเวลาหน่วงไว้ แล้วก็เริ่มขับรถเลยครับ ภาพนี้ใช้ speed shutter ประมาณ 20-30 วินาที ก็จะได้ภาพสีสรรค์ แปลกตาอย่างนี้

ข้อควรระวัง ตั้งกล้องให้มั่นคงนะครับ เพราะรถต้องเคลื่อนไปตลอด อาจจะหล่นร่วงเกิดความเสียหายได้ และถ้าไม่มีสายลั่นชัตเตอร์ ตั้งโปรแกรมต่างๆให้เรียบร้อยก่อนออกรถ ปรับโฟกัสให้เรียบร้อยก่อน แล้วจังหวะกดให้มั่นใจว่าปลอดภัยนะครับ ไม่เช่นนั้นจังหวะ เอื้อมไปกด อาจจะเกิดอุบัติเหตุได้ 

หวังว่าจะสนุกกับการถ่ายภาพ สวัสดี