ขับเคลื่อนโดย Blogger.

วันพุธที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ภาพถ่ายพระเมรุ - สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ



สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี

เป็นพระราชธิดาพระองค์เดียวในพระบามสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวกับพระนางเจ้าสุวัทนาพระวรราชเทวี

พระประสูติกาล
ประสูติเมื่อวันอังคารที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๔๖๘ ณ พระที่นั่งเทพสถานพิลาส ในหมู่พระมหามณเฑียรพระบรมมหาราชวัง ในขณะที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระประชวรหนัก ณ พระที่นั่งจักรพรรดิพิมานซึ่งอยู่ติดกับพระที่นั่งเทพสถานพิลาส สมเด็จพระเจ้าลูกเธอในรัชกาลที่ ๖ ทรงมีโอกาส เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทสมเด็จพระบรมชนกนาถ ครั้งแรกและครั้งสุดท้ายในวันพุธที่ ๒๕ พฤศจิกายน ๒๔๖๘ จากนั้น พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็เสด็จสวรรคต ในวันรุ่งขึ้น


สิ้นพระชนม์
ในบั้นปลายพระชนมชีพ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯประชวรด้วยพระโรคหลอดเลือดสมอง และทรงพระชราครั้นวันพุธที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ได้เสด็จไปประทับรักษาพระอาการติดเชื้อในกระแสพระโลหิต ณ ตึก ๘๔ ปี ชั้น ๕ โรงพยาบาลศิริราช พระอาการประชวรได้ทรุดลงตามลำดับและสิ้นประชนม์เมื่อเวลา ๑๖.๓๗ น. ของวันพุธที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๔ รวมพระชมมายุ ๘๔ พรรษา

การพระศพ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้สำนักพระราชวังจัดการพระศพถวายพระเกียรติยศสูงสุดตามราชประเพณี ประดิษฐานพระศพ ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้พระบรมวงศานุวงศ์และข้าทูลละออกธุลีพระบาทในราชสำนักไว้ทุกข์ถวาย ๑๐๐ วัน ตั้งแต่วันสิ้นพระชนม์และมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้มีพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ ณ พระเมรุ ท้องสนามหลวง ในวันจันทร์ที่ ๙ เมษายน ๒๕๕๕ อีกทั้งมีการจัดงานภาคประชาชน พิธีถวายดอกไม้จันทน์ตามซุ้มรอบมณฑลพระราชพิธี และสถานที่กำหนดในเขตต่างๆของกรุงเทพมหานคร ตลอดจนทุกจังหวัดทั่วประเทศถวายพระเกียรติยศเต็มที่ตามที่ทรงดำรงอยู่ทุกประการ


ด้วยเหตุนี้แหล่ะ จึงได้ไปเที่ยวชม และถ่ายภาพพระเมรุ มาให้ชมกันครับ

พระเมรุ ๑

พระเมรุ ๒

พระเมรุ ๓

มีรถประดับไฟแปลกๆมาจอด ผู้คนให้ความสนใจถ่ายรูปจำนวนมาก
ภาพนี้ใช้สปีดชัตเตอร์ต่ำ ทำให้มองเห็นผู้คนน้อยหน่อย

ใช้สปีดชัตเตอร์ต่ำ แต่คุณผู้หญิงชุดดำเล่นไม่ขยับไปไหน จึงถ่ายติดเธอ

พระเมรุ

ภาพทั้งหมด ใช้ขาตั้งกล้อง ISO100 ถ่ายด้วยสปีดชัตเตอร์ตามที่วัดแสงได้

มีคนอื่นใช้ฟิลเตอร์ ND ของ Lee ติดที่หน้าเลนส์แล้วฟิลเตอร์รุ่นนี้จะยึดแผ่นฟิลเตอร์ได้ไม่ค่อยแน่น ทั้งที่มีราคาสูงมาก แผ่นละประมาณ 5,000 บาท เห็นเขาก็เสียบกับกล้องและไม่มีใครไปโดน ลมก็ไม่ได้แรงอะไร ฟิลเตอร์เลื่อนหล่นพื้น ดัง"เพ้งงง" แตกยับเลยครับ

ถ้าใช้ฟิลเตอร์แผ่นแบบ ND ลองตรวจเช็คความแน่นของแผ่นฟิลเตอร์ด้วยนะครับ เสียดายเวลามันหล่นแตก ถ้ามันไม่แน่น ลองใช้ กระดาษกาว หรือเทปกาว ติดที่ด้านข้างของฟิลเตอร์ เพื่อเสริมให้มันหนาขึ้น อย่าติดแบบแผ่นหนากินพื้นที่เข้ามาในเลนส์เวลาถ่ายภาพ แต่วิธีนี้แกะออกมาก็จะมีกาวติดฟิลเตอร์บ้างทำให้ขายแล้วอาจจะเสียราคาบ้างนะครับ



ขอให้มีความสุขกับการถ่ายภาพครับ สวัสดี GoodLight ^_^

วันศุกร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ภาพถ่ายซ้อน

วันนี้โชว์ภาพถ่ายแปลกๆซักหน่อยครับ

ปิดไม่มิด

ภาพนี้ไม่ได้ตัดต่อใน Photoshop เลยนะครับ ทำแค่ crop ภาพเท่านั้นเอง
พอดีช่วงนี้มีโปรโมทภาพยนตร์เรื่อง คน-โลก-จิต ความจริงก็ตั้งใจถ่ายภาพแนวนี้อยู่แล้ว พอดีมีโปรโมทภาพยนตร์ เลยทำการถ่ายซะเลยครับ

แต่ภาพที่่ใช้โปรโมทภาพยนตร์ คิดว่าใช้ตัดต่อ Photoshop นะครับ 
แต่ภาพที่ผมถ่ายนี้ไม่ได้ตัดต่อครับ

คน - โลก - จิต
เอ๊ะแล้วทำได้อย่างไร 

เทคนิคการถ่ายภาพ
- ตั้งกล้องบนขาตั้งกล้อง 
- ตั้งแสง รูรับแสง ISO ให้ได้ สปีดชัตเตอร์ต่ำนิดหน่อย ประมาณ 0.5 - 3 วินาที
- ถ่ายด้วยสปีดชัตเตอร์ต่ำ โดยช่วงเวลาครึ่งนึงหรือส่วนนึง เป็นภาพถ่ายใบหน้าเปล่าๆ และส่วนที่เหลือเอามือมาปิดไว้
- ภาพจะซ้อนทับกัน กลายเป็นภาพแนวๆนี้

ทั้งสองภาพนี้มีความเบลอเล็กน้อย เนื่องจากใช้ สปีดชัตเตอร์ที่ต่ำ 2 วินาที ถ้าจะให้นิ่งกว่านี้ก็ใช้ซัก 0.5 วินาที ก็น่าจะได้ภาพคมชัดกว่านี้ แต่กำหนดเวลาของมือได้ยากกว่า ต้องขยับเร็วๆ ทันที




ภาพสุดท้ายนี้ถ่ายด้วยความเร็ว 0.6 วินาที นะครับ



ขอให้มีความสุขสนุกกับการถ่ายภาพนะครับ Goodlight ^_^

วันศุกร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2555

การถ่ายภาพกลางคืน lightdrawing

การถ่ายภาพตอนกลางคืน หรือ night photography สิ่งแรกคือต้องถ่ายตอนกลางคืน ปรับ ISO ให้ต่ำไว้ บางครั้งไม่จำเป็นต้องต่ำที่สุด หากการปรับ ISO ต่ำที่สุดต้องไปเปิดฟังก์ชั่นพิเศษ นั่นจะทำให้มี noise มากกว่า แบบต่ำสุดโดยปกติของกล้องครับ

อุณหภูมิ ก็มีผลต่อ noise ถ้าหากอากาศเย็น noise จะมีน้อยกว่า เวลาอากาศร้อนครับ


nightlight orb

ภาพนี้ถ่ายที่พื้นถนนมืดๆ ด้านหลังของภาพ มีบ้านคนที่มีแสงไฟถนนส่องถึงพอดี จึงได้ตั้งกล้องสำหรับถ่ายภาพนี้ และใช้ไฟฉาย Maglite หมุนหัวมันออก ทำให้เห็นแสงได้ทั่ว จะใช้ไฟฉายแบบอื่นก็ย่อมได้ แต่ควรจะเป็นแบบเห็นหลอดไฟทั่วๆนะครับ  ถ้าเป็นแบบมีโคมไฟฉาย จะไม่เห็นเป็นภาพแบบนี้แน่ๆครับ

เมื่อกดชัตเตอร์แล้วผมก็วิ่งไปในตำแหน่งที่เล็งไว้แต่แรกแล้ว ก็ทำการ หมุนไฟฉาย ไปเรื่อยๆครับ พยายามยึดจุดหมุน ให้อยู่กับที่ แล้วเราก็เคลื่อนตัวเอง ไปเรื่อยๆ เป็นแนวกลม ก็จะได้ภาพแบบนี้ครับ


ภาพนี้ ใช้ photoshop เพิ่มความสว่างบนพื้นด้วยนิดหน่อยครับ ปรับเงาที่พื้นให้สว่างขึ้นนิดหน่อยครับ


ขอให้มีความสุขกับการถ่าพภาพนะครับ Goodlight^_^ 

วันพฤหัสบดีที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2555

การถ่ายภาพกลางคืน lightpaint 3

ภาพถ่ายกลางคืน lightpaint 3



เทคนิคการถ่ายภาพ : ถ่ายตอนกลางคืน วัดแสงเฉลี่ย และใช้ไฟฉาย ส่องเพื่อเปิดรายละเอียด ที่ตัวหมุน 



ขอให้มีความสุขกับการถ่ายภาพนะครับ Goodlight ^_^

วันอังคารที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2555

ภาพถ่ายกลางคืน จากจังหวัดกระบี่


ผมได้มีโอกาสแวะไปเยี่ยม จ.กระบี่ ช่วงสั้นๆ และได้ออกไปถ่ายภาพกลางคืนมาเล็กน้อย หลังจากเจอเพื่อนๆ พี่ๆ แล้วไปทานสุรากัน หุหุ กลับจากการทานสุรา ก็เลยมาถ่ายรูปกลางคืน ใจจริงอยากย้ายหลายๆสถานที่ หลายๆมุม แต่ก็ดึกมากแล้ว เพื่อนคนอื่นก็เมากันพอสมควรแล้วด้วย จึงได้อยู่แค่บริเวณเดียว



ภาพถ่ายกลางคืน จากจังหวัดกระบี่

เทคนิคการถ่ายภาพ ของภาพนี้ ก็จำเป็นต้องมีขาตั้งกล้อง แล้ววัดแสงภาพนี้ถ่ายที่ ISO 100, F/5.6, 15 วินาที

ภาพถ่ายนี้จะออกมาค่อนข้างพอดีแล้ว แต่แสงทางด้านซ้ายมือ จะสว่างเกินไป ผมถ่ายคล่อมภาพนี้ไว้ด้วย แต่เนื่องจากลม ทำให้เรือขยับตำแหน่งต่างกันไป การนำสองภาพมาทำรวมกันเพื่อให้ได้ภาพที่มีรายละเอียดครบทั้งส่วนสว่างและส่วนมืด (HDR) จึงไม่ค่อยสะดวกนัก

เนื่องจากภาพนี้ผมถ่ายมาเป็น Raw file การปรับแต่งจึงทำได้มากโดยที่ไม่เสียคุณภาพของภาพ ผมจึงปรับภาพนึงให้ค่า Exposure ลดลง, อีกภาพนึง ปรับให้สว่างขึ้น

แล้วนำสองภาพนี้มารวมกัน ตามแบบฉบับที่เขาเรียกกันว่า HDR ทั้งหลาย ภาพนี้ส่วนสว่างที่เกินไป จึงค่อนข้างพอดี ไม่สว่างจนเกินไปนัก

ภาพถ่ายที่ค่อนข้างใกล้เคียงต้นฉบับ ปรับแสงเล็กน้อย


ส่วนภาพนี้ปรับค่า Exposure ลดลง ปรับให้มีรายละเอียด ส่วนที่สว่าง ไม่ให้สว่างจนเกินไป


หลังจากปรับแต่งตามที่บอกไปด้านบนแล้ว ก็จะได้ภาพที่คล้ายต้นฉบับ แต่รายละเอียดส่วนสว่าง และส่วนมืด จะทำได้ดีกว่า และดีกว่าการไปเพิ่มค่า Recovery เพียงอย่างเดียว




ขอให้มีความสุขกับการถ่ายภาพนะครับ หากเขียนไม่ดีอ่านแล้วไม่เข้าใจ คอมเม้นท์สอบถามได้นะครับ  GoodLight. ^_^

วันเสาร์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2555

การใช้ฟิลเตอร์เพื่อเพิ่มเวลาเปิดชัดเตอร์


คุณสามารถเพิ่มเวลาในเปิดสปีดชัตเตอร์ให้นานขึ้น(long exposure)ได้ ด้วยการใช้เทคนิค ควบคุมรูรับแสงให้แคบ(F.Stop) และการใช้ฟิลเตอร์ที่ลดแสงลง เรียกว่า ND filter(neutral Density filter)

การปรับรูรับแสงให้แคบ ก็จะทำให้ได้ความชัดลึกเพิ่มขึ้น แล้วถ้าปรับถึงที่สุดแล้ว ยังได้สปีดชัตเตอร์ที่สูงอยู่ ก็ทำอะไรอีกไม่ได้

ส่วนการใช้ฟิลเตอร์ชนิด ND นี้ จะทำให้ภาพมืดลง ทำให้ต้องเพิ่มสปีดชัตเตอร์ขึ้น แต่ไม่มีผลต่อความชัดลึก ซึ่งมีให้เลือกหลายแบบ ทั้งแบบเต็มแผ่นระดับความเข้มเท่ากันหมด, แบบแบ่งครึ่งระดับความเข้มตัดกันเลย, แบบแบ่งครึ่งแต่ระดับความเข้มค่อยๆเพิ่มไปแบบนุ่มนวล, และแบบกลับด้านก็มี คือกลางฟิลเตอร์ไล่จากเข้มมากไปหาเข้มน้อย และมีให้เลือก

การใช้ฟิลเตอร์แบบนี้ ก็เพื่อหวังผลให้ได้การเปิดสปีดชัตเตอร์ที่นานขึ้น ส่งผลต่อภาพถ่ายให้เกิดความเบลอ(blur) มากขึ้น หรือเกิดการเคลื่อนไหวของภาพมากขึ้น

น้ำตกกระทิง 

การใช้เทคนิคการถ่ายภาพแบบ long exposure ใช้ได้ผลดีกับภาพประเภท น้ำตก, น้ำทะเล, เมฆเคลื่อนไหว

จากภาพน้ำตกตัวอย่างนี้ มีแสงแดดมาก ทำให้ได้สปีดชัตเตอร์ค่อนข้างเร็ว ทำให้สายน้ำไม่เป็นสายอ่อนนุ่มสวยงาม

ภาพนี้จึงใช้ฟิลเตอร์ ND แบบเต็มแผ่น ใส่ปิดหน้าเลนส์ แล้วจึงเปิดความเร็วชัตเตอร์นานๆ

ทำให้ได้ภาพถ่ายสายน้ำที่อ่อนนุ่ม สวยงามกว่าไม่ได้ใช้ ส่วนเทคนิคการถ่ายภาพ วัดแสง ฯลฯ ก็ใช้เหมือนปกตินะครับ แค่ใส่ ฟิลเตอร์เข้าไปที่หน้าเลนส์ และดูค่าสปีดชัตเตอร์ที่กล้องวัดได้ ถ้าเปิด 30 วินาที กล้องหลายรุ่นมักจะไม่แสดงผลที่เกิน 30 วินาที

จำเป็นต้องใช้
เทคนิคการคำนวณการเปิดค่าสปีดชัตเตอร์ และเปิดตามที่ได้คำนวณไว้

ส่วนภาพถ่ายที่ต้องเปิดรับแสงนานๆอย่างนี้ จำเป็นต้องมีขาตั้งกล้อง หรือ ถุงทราย สำหรับวางกล้องให้มั่นคง ไม่สั่นไหว

น้ำตกเจ็ดคตเหนือ

ภาพถ่ายนี้ก็เทคนิคเดียวกันครับ แต่ภาพนี้รอให้แสงแดด เข้าเงาก่อน ทำให้แสงอ่อนเท่าๆกัน










ขอให้สนุกกับการถ่ายภาพนะครับ  เมื่อมาเยี่ยมชมแล้วก็โปรดแสดงความคิดเห็น.. Good Light.

วันเสาร์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2555

ภาพกลางคืนในรถ

สวัสดีครับ วันนี้จะโชว์รูปภาพที่ถ่ายกลางคืนในรถยนต์นะครับ   ก็จะได้ภาพที่แปลกตา เช่นนี้


ภาพถ่ายกลางคืนในรถ 1

แปลกๆตาดีไหมครับ หุหุ ลองดูอีกภาพ


ภาพถ่ายลักษณะนี้ ตัวรถจะชัดดี แต่นอกรถจะเป็นเส้นๆ แปลกตา เทคนิคการถ่ายภาพก็ง่ายๆครับ วางขาตั้งกล้องในรถ ยึดให้มั่นคงตั้ง ISO ต่ำไว้ สองภาพนี้ถ่ายด้วย ISO 100 วัดแสง แบบเฉลี่ยทั้งภาพ เสียบสายลั่นชัตเตอร์ แบบตั้งโปรแกรมได้ ก็ตั้งเวลาหน่วงไว้ แล้วก็เริ่มขับรถเลยครับ ภาพนี้ใช้ speed shutter ประมาณ 20-30 วินาที ก็จะได้ภาพสีสรรค์ แปลกตาอย่างนี้

ข้อควรระวัง ตั้งกล้องให้มั่นคงนะครับ เพราะรถต้องเคลื่อนไปตลอด อาจจะหล่นร่วงเกิดความเสียหายได้ และถ้าไม่มีสายลั่นชัตเตอร์ ตั้งโปรแกรมต่างๆให้เรียบร้อยก่อนออกรถ ปรับโฟกัสให้เรียบร้อยก่อน แล้วจังหวะกดให้มั่นใจว่าปลอดภัยนะครับ ไม่เช่นนั้นจังหวะ เอื้อมไปกด อาจจะเกิดอุบัติเหตุได้ 

หวังว่าจะสนุกกับการถ่ายภาพ สวัสดี

วันศุกร์ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2555

การถ่ายภาพกลางคืน light paint

การถ่ายภาพกลางคืน มีด้วยกันหลายเทคนิค ที่จะสร้างสรรค์ภาพให้ดูน่าสนใจ

ภาพถ่ายกลางคืน
ภาพนี้ถ่ายเวลากลางคืน แทบจะมืดสนิท เป็นเครื่องลับใบมีด โดยใช้เทคนิคที่เรียกว่า Light painting

โดยการใช้ไฟฉาย ฉายส่องไปที่วัตถุที่เราต้องการ เพื่อเพิ่ม รายละเอียดส่วนที่มืดให้สว่างขึ้นมาในภาพนะครับ







อุปกรณ์ที่ใช้


  • ขาตั้งกล้อง หรือถุงทราย อะไรก็ได้ วางให้มั่นคง
  • คนช่วยกด หรือสายลั่นชัตเตอร์ สำหรับ กดชัตเตอร์นานๆ (หรือชัตเตอร์B) 
  • ไฟฉาย
  • กระดาษแก้ว หรือกระดาษสี สำหรับเพิ่มสีสรรค์ให้ภาพโดยไม่ต้องใช้ photoshop
ภาพนี้มืดมาก แทบ
วัดแสงไม่ได้จริงๆ  วัดได้ก็เวลา นานมาก ก็ใช้กะเวลาว่าเราจะวาดแสงด้วยไฟฉาย ครบทั้งภาพที่ต้องการ ในเวลาประมาณเท่าไร
ลองฉายไฟฉายเพิ่มหาโฟกัส ปรับเป็นแบบ แมนน่วล (manual focus) เพราะระบบออโต้โฟกัสจะหาโฟกัสไม่เจอ เมื่อได้โฟกัส ลองถ่าย แบบ iso สูงๆ ซัก 2-3 ภาพ เพื่อดูภาพเบื้องต้น ดู composition ของภาพ

จากนั้นทำการถ่ายภาพ แล้วก็เริ่มใช้ไฟฉาย ฉายๆไปเรื่อยๆ  ภาพนี้ผมใช้กระดาษแก้วปิดที่หน้าไฟฉายด้วย เพื่อให้มีสีๆ อย่างที่เห็นในภาพนี้ครับ
ส่วนเวลาว่าจะฉายไฟฉายนานแค่ไหน ขึ้นอยู่กับความแรงของไฟฉาย ระยะห่าง ซึ่งคำนวณได้ยาก ใช้ประสบการณ์เลยดีกว่าครับ

ลองถ่ายดู และหวังว่าจะสนุกกับมัน


แล้วพบกันใหม่ครับ สวัสดี

วันพฤหัสบดีที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2555

ภาพแสงไฟกลางคืน ตัวอย่างภาพจากวัดอรุณฯ




ภาพนี้ถ่ายเวลากลางคืน แสงจะน้อยมาก หยิบขึ้นมา อาจจะรู้สึกว่า วัดแสงไม่ได้ ผมใช้วิธีปรับ ISO ให้สูงๆไว้ เมื่อตั้ง ISO สูงๆ ก็จะสามารถวัดแสงได้ แต่ภาพนี้ พื้นที่ส่วนใหญ่ มืด แสงน้อยมาก(มีจะถ่ายให้เหมือนตอนกลางวันก็ทำได้) จึงต้องเลือกโหมดวัดแสงแบบเฉพาะจุด(ศึกษาจากคู่มือกล้องของท่าน)
แล้ววัดไปที่พระปรางค์เพราะส่วนนี้สำคัญที่สุด

เมื่อได้ค่าแสงออกมาแล้ว จำค่านั้นไว้ แล้วปรับ ISO ลง เพื่อลด noise ให้น้อยที่สุด ซึ่งจะกลายเป็นเหมือนวัดแสงไม่ได้เหมือนเดิม เพราะ shutter speed จะเกิน 30 วินาที

ตรงนี้คือเทคนิคนึง ที่ให้จำค่าเดิมไว้ แล้วปรับจาก ISO สูงๆ ลงมา ISO ต่ำๆ เหลือเป็นกี่ STOP  (ไม่เข้าใจ ก็ใช้วิธี นับปุ่มเวลาเราปรับก็ได้ครับ บางรุ่นปรับ2 ครั้งคือ 1 STOP บางรุ่นปรับ 3 ครั้ง) โดยดูจากขีดที่บอกการชดเชยแสงก็ได้ครับ เมื่อได้จำนวน STOP แล้วเช่น 4 STOP ที่ Speed shutter 20 วินาที เป็นต้น

เมื่อเป็น 4 STOP ให้ คูณ 16 หรือ นำค่าเดิม คูณ 2 = 1 STOP
ในที่นี้ 40 วินาที คือ 1 STOP ที่ต้องรับแสงเพิ่มขึ้นจากการปรับ ISO ให้ต่ำลง
40 x 2 = 80 วินาที เป็น 2 STOP
80 x 2 = 160 วินาที เป็น 3 STOP
160 x2 = 320 วินาที เป็น 4 STOP

หรือนำสูตร 2 ยกกำลัง stop ได้ค่าเท่าไร เอาไปคูณเวลาเดิมครับ เช่น
4 STOP = 2 ยกกำลัง 4 = 16 นำ 16 x 20 ได้เท่ากับ 320 วินาที
3 STOP = 2 ยกกำลัง 3 = 8 นำ 8 x 20 ได้เท่ากับ 160 วินาที

ความจริงมันมีสูตรคำนวณเวลามากมายครับ แต่ใช้วิธีนี้ก็ได้ ง่ายกว่า สำหรับแสงน้อยๆ ผิดไม่กี่วินาที ไม่ต่างกันเท่าไร แต่หากเป็นเวลากลางวัน เราจะถ่ายที่ เสี้ยวของวินาที เช่น 1/250 วินาที เป็นต้น อันนั้นจะต่างกันมาก แต่อันนี้ หากมัวตบยุง หรือเล่น facebook มากดปิดที่ 330 วินาที หรือค่าอื่นๆ ก็ยังไม่มีปัญหาครับ

ส่วนค่ารูรับแสง (F/8, F/11) ก็เหมือนกันครับ ตอนแสงน้อย ปรับกว้างๆก่อนก็ได้ ให้วัดแสงได้ก่อน แล้วค่อยปรับอีกครั้ง ตามที่ต้องการ แล้วก็ดูว่าปรับจากเดิมกี่ STOP

ความจริงภาพนี้ แสงท้องฟ้า กับตัวพระปรางค์ต่างกันหลาย STOP น่าจะถ่าย 2-3 ภาพ แล้วใช้โปรแกรมในการรวมภาพอีกที ก็จะสวยกว่านี้ครับ จะได้ทั้ง พระปรางค์ และท้องฟ้าที่สวยงาม ส่วนทางขวามือ คือเรือที่วิ่งผ่านมาเข้าเฟรมพอดีครับ


วันพุธที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2555

ว่าด้วยเรื่องการวัดแสงสำหรับถ่ายภาพ




พื้นฐานการถ่ายภาพที่สำคัญ - การวัดแสง

ถึงบอกว่าสำคัญ แต่หลายท่านที่ถ่ายภาพ และคิดว่าตัวเองถ่ายเป็น ที่ผมพบหลายๆคน และยังรับงานถ่ายภาพ เพื่อหารายได้ ก็ยังวัดแสงไม่เป็น 0_0  แต่ที่ถ่ายได้ เพราะ กล้องถ่ายภาพ ยิ่งทันสมัย ยิ่งราคาแพง ก็ยิ่งมีเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ทำให้วัดแสงได้แม่นยำมากขึ้น  จนแทบไม่ต้องปรับอะไร

งั้นทำไมถึงบอกว่าสำคัญ เพราะบางสภาพแสง จะพบคนพวกนี้ ถ่ายอย่างไร ก็ไม่ได้ภาพที่ดี เพราะไม่เข้าใจเรื่องการวัดแสง เพื่อผมบางคนใช้อุปกรณ์ถ่ายภาพ ราคาประมาณ2แสนบาท แต่พอไปเที่ยวด้วยกัน เขาถ่ายไม่ได้ภาพเลย จนต้องมาถามผม นี่ก็เพราะ ไม่เข้าใจวิธีวัดแสง 

ถ้าแสงธรรมดา เช่น ไม่ย้อนแสง แสงอาทิตย์ อยู่ด้านหลัง วัตถุที่ถ่าย ไม่มีอะไรพิเศษ* ก็คงถ่ายได้ โดยไม่ต้องปรับตั้งค่าอะไร แต่นอกเหนือจากที่บอก ก็คงเห็นความแตกต่าง ของคนเข้าใจการวัดแสง และไม่เข้าใจ รวมถึงเวลาที่ต้องเสียไป กับภาพที่ถ่ายใน shot แรกๆ แล้วไม่ได้อย่างที่ต้องการ ต้องมาปรับๆๆอีก

การวัดแสง มี 2 แบบ 
1. วัดแสงตกกระทบ : คือแสง ตกที่อุปกรณ์ สำหรับวัดแสงโดยตรง
2. วัดแสงแบบสะท้อน : คือแสง ไปสะท้อนวัตถุ แล้วค่อยมาที่อุปกรณ์สำหรับวัดแสง

การวัดแสงตกกระทบ
น่าจะมีเฉพาะ เครื่องวัดแสงแบบมือถือเท่านั้น
การวัดแสงแบบสะท้อน
กล้องถ่ายภาพทั่วไป ใช้ระบบนี้ แต่มีเทคโนโลยี เพื่อความแม่นยำ ต่างกัน

สังเกตุอย่างไร : แสงอาทิตย์ หรือแฟลช ไม่ได้วิ่งเข้ากล้องตรงๆ แต่ สะท้อนต้นไม้, หน้าคน, สิ่งของ(ขอเรียกว่าวัตถุ)  แล้วค่อยเข้ามาในกล้อง

ความแตกต่างของระบบวัดแสงทั้งสองอย่าง คือ การวัดแบบสะท้อน แสงต้องโดนวัตถุก่อน แล้วค่อยสะท้อนแสงเข้ากล้อง แต่วัตถุแต่ละชนิด สะท้อนไม่เท่ากัน จึงเป็นปัญหาขึ้น
ส่วนการวัดแสงแบบตกกระทบ แสงจะตกใส่อุปกรณ์วัดโดยตรง ทำให้แม่นยำกว่า แต่ว่า เราไม่สามารถ เดินไปวัดแสงที่ ยอดภูเขา โดยที่จะถ่ายภาพที่ตีนเขาได้  การวัดแสงแบบนี้ มักจะใช้กับพวกแสงแฟลชเสียมากกว่า

การที่กล้องวัดแสงแบบสะท้อน จึงมองทุกอย่างสะท้อนเท่ากับ สีเทากลาง เช่นวัดแสงวัตถุสีขาว มีการสะท้อนมาก กล้องไม่รู้จัก ก็จะถ่ายมาเป็นสีเทา ถ่ายสีดำ ก็เป็นสีเทา นั่นเพราะกล้องจะมองการสะท้อนเป็น เทาหมด เมื่อถ่ายวัตถุ ที่ขาวอยู่ในภาพมากๆ หรือดำในภาพมากๆ จึงต้องชดเชยแสง ตาม  สีขาวก็ชดเชยไปทาง +, ส่วนสีดำ ชดเชยไปทาง -

แต่วัตถุส่วนใหญ่ไม่ได้มีแต่ขาวกับดำนี่  นี่คือภาพ เปรียบเทียบเมื่อสีต่างๆ เป็นขาว-ดำ

ภาพสี
ถูกทำให้เป็นขาว-ดำ













จะเห็นว่าสีแดง ใกล้เคียง เทากลางที่สุด ส่วนสีเหลือง สว่างมากกว่าเทากลางเยอะ แท้จริงสีน้ำเงินก็จะเข้มกว่าเทากลาง แต่ภาพนี้ ปรับสีแต่ละสี ให้มันเห็นความต่างด้วยครับ 

ฉะนั้น ถ้าในภาพที่เราถ่าย มีสีเหลืองจำนวนมาก ก็เป็นไปได้ว่า ภาพที่ถ่ายมาจะมืดเกินไป ต้องปรับชดเชยไปทาง +

ส่วนภาพที่มีสีน้ำเงินมาก ก็เป็นไปได้ว่าจะสว่างมากเกินไป ต้องปรับชดเชยไปทางลบ - 

ซึ่งการวัดแสงกล้องแต่ละรุ่น ให้ศึกษาจากคู่มือเองนะครับ  เพราะมีทั้ง วัดแสงเฉพาะส่วน, เฉพาะจุด, เฉลี่ยทั้งภาพ, หนักกลาง ฯลฯ

ความหมายก็เหมือนกัน เพียงแต่ เพิ่มจุดในการวัดต่างๆไป เช่นหนักกลาง ก็ให้ความสำคัญกับกลางภาพ มากกว่า ส่วนเฉลี่ยทั้งภาพ ก็ใช้วัดทั้งเฟรมที่ถ่ายเลย แต่กล้องจะมีการคำนวณให้ค่าแสงแม่นยำที่สุด


และสถานการณ์ที่วัดแสงพลาดมากที่สุดเช่น ถ่ายย้อนแสง เช่นภาพถ่ายหน้าคน โดยมีพระอาทิตย์อยู่ด้านหลัง อย่างนี้ ย้อนแสงแน่ 
-ถ้าเราวัดแสงที่หน้าคน แสงที่หน้าก็จะพอดี แต่พระอาทิตย์ อาจจะสว่างเกินไป
-ถ้าเราวัดแสงที่ฉากหลังหรือพระอาทิตย์ พระอาทิตย์ก็คงจะสวยดี แต่หน้าแบบจะมืด เพราะแสงต่างกันมากๆ  เป็นข้อจำกัดของกล้องถ่ายภาพ

กรณี อย่างนี้ ก็ต้องเลือกว่าอันไหนสำคัญกว่า แต่ถ้าต้องการทั้งสองอย่าง อาจจะใช้วิธีวัดแสงที่ฉากหลัง แล้วเพิ่มแสงแฟลช เพื่อให้หน้าคนสว่างเท่ากันพอดี


วันนี้ขอจบเท่านี้ก่อนนะครับ  มันจะยาวเกินไป อิอิ 

วันอังคารที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2555

กื้อ รูปภาพ และการถ่ายภาพ

บล็อคนี้จะขอพูดถึง เทคนิคการถ่ายภาพต่างๆ ผมไม่ใช่มืออาชีพอะไร

แต่มีหลายคนไม่เข้าใจการถ่ายภาพ ก็เลยทำตรงนี้เพื่อการศึกษา จะนำความรู้ แนวคิด บทความ ที่เกี่ยวกับการถ่ายภาพ เทคนิคการถ่ายภาพต่างๆ อุปกรณ์ที่ใช้ รูปภาพตัวอย่างสนุกๆ มาแสดงในบล็อคนี้

จะพยายามโพสต์สม่ำเสมอ เพื่อศึกษาเกี่ยวกับการสร้างบล็อค เกี่ยวกับเทคโนโลยีเว็บไซด์ โดยส่วนตัวของผมเองด้วย

หวังว่าทุกท่านจะสนุก แล้วพบกัน ^_^